กินผักอินทรีย์กันดีกว่าปลูกเองไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าคุณคิดจะปลูกกิน แล้วผลิตขาย
การปลูกผักในปัจจุบันนี้ มีความปลอดภัยน้อยมากสำหรับผู้บริโภค หรือแม้แต่ตัวผู้ผลิตเองก็ตาม เพราะด้วยความต้องการของผู้บริโภคเองที่ต้องการกินผักที่มีความสวย ที่กายภาพของผักโดยผักที่ได้มาเพื่อประกอบอาหารต้องเป็นผักที่มีความสวยงาม ใบต้องไม่มีรูพรุน หรือมีร่องรอยการทำลายของแมลง ทั้งโดนกัด โดนดูดน้ำเลี้ยงที่ใบ หรือการเข้าทำลายของหนอนต่างๆ เป็นต้น
แต่ในปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่กำลังเข้าใจผิด ว่าผักที่ปลูกในระบบ ไฮโดรโปรนิค คือผักที่สะอาดและปลอดภัยที่สุดนั้นคือความเข้าใจผิดในทางตรงกันข้ามผักที่ปลูกในระบบไฮโดโปรนิคนี้ใช้เคมี100% เพราะปลูกโดยไม่มีดินแต่เขาปลูกกันในน้ำซึ่งในน้ำไม่มีธาตุอาหารมากพอที่จะทำให้ผักโต จึงจำเป็นต้องละลายปุ๋ยเคมีลงไปในน้ำของรูปแบบของเหลวโดยเรียกกันติดปากว่า ปุ๋ยน้ำ A ,ปุ๋ยน้ำ B ผสมลงไปกับน้ำแล้วปล่อยให้ไหล วนไปโดยรากพืชจะสำผัสกับน้ำตลอดเวลา
แต่ผักอินทรีย์จะทำการเพาะปลูกกับดินซึ่งดินได้ถูกธรรมชาติสร้างขึ้นมามีแร่ธาตุอาหารมากพอสมควรที่สามารถทำให้ผักโตขึ้นมาได้ แต่ผู้ปลูกผักอินทรีย์ต้องเข้าใจในความต้องการของผัก ชนิดของผักที่ปลูกว่าต้องการธาตุอาหารเท่าไหร่อย่างไรในการเจริญเติบโตแต่ละช่วงอายุของเขา โดยผักที่ปลูกกันทั่วไปสามารถแบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้.-
ผักกินใบ ( ผักใบบาง ) เช่น คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักชี
ผักค้าง ( ผักที่ขึ้นหลัก,ขึ้นค้าง ) เช่น ถั่ว บวบ มะระ ฟัก แฟง แตงกวา
ผักกินลูกกินผล เช่น มะเขือต่างๆ พริก
ผักกินหัว เช่น หัวไชเท้า หอม กระเทียม ขิงข่า หอม ตะไคร้ ขมิ้น
.ในกลุ่มของผักใบบาง กลุ่มผักในจำพวกนี้ ใช้เวลาในการเจริญเติบโตไม่นานโดยจะใชเวลาหลังจากเมล็ดตกลงดินแล้วสามารถนำมาประกอบอาหารจะใช้เวลาประมาณ 21- 45 วัน แวแต่สายพันธุ์ผักนั้นๆ โดยการให้อาหาร ( ปุ๋ย ) ที่ให้ก็ไม่ต้องเน้นทางดินมากนัก แต่ควรเน้นทางใบมากกว่าเพราะผักใบในชุดนี้ตอบสนองปุ๋ยที่ให้ทางใบจะแสดงผลได้ดีกว่าและพืชนำไปใช้ในการปรุงอาหารสร้างผนังเซลล์ได้ไวกว่า โดยไม่จำเป็นต้องให้ทางดินเลยยังได้ แต่จำเป็นต้องให้ธาตุอาหารให้ครบทั้ง 3 หมวด คือ .- อากาศที่ประด้วย คาร์บอน ,ไฮโดรเจน, และออกซิเจน (C,H,O )
กลุ่มธาตุอาหารหลัก เช่น ไนโตเจน (N ), ฟอสฟอรัส ( P ), โพแทสเซียม ( K )
กลุ่มธาตุอาหารรอง เช่น แคลเซียม (Ca),แมกนีเซียม (Mg), กำมะถัน (S)
กลุ่มธาตุอาหารเสริม เช่น เหล็ก (Fe),แมงกานีส (Mn),สังกะสี (Zn),โบรอน(B),ทองแดง(Cu),โมลิบดีนัม(Mo),คลอลีน(Cl),นิกเกิล(N)
โดยธาตุอาหารทั้งหมดนี้เราได้รวบรวมทำเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อใช้ฉีดพ่นให้กับผักใบทุกๆ 5-7 วันพืชจะได้อาหารที่เพียงพอและทำให้พืชเจริญเติบโตดีแข็งแรงโตเร็ว รสชาติหวานกรอบ อร่อย แต่ที่สำคัญการให้น้ำก็สำคัญไม่แพ้การให้ปุ๋ย โดยแนะนำให้ฉีดพ่นอาหารทางใบต้องรดน้ำทุกครั้ง
ดรีม 30 cc.ธาตุอาหารที่จำเป็นในการเจริญเติบโต
ดีว่า 20 cc.สร้างภูมิคุ้มกันและปลดปล่อยปุ๋ยในดิน
ซาโต้ 3-5 cc.สร้างคลอโรฟิลในการสังเคราะแสง
ปานะ 2 cc. เร่งนำธาตุอาหารต่างๆเข้าผนังเซลล์
ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน
ในกลุ่มผักค้าง คือกลุ่มผักที่ต้องอาศัยหลักหรือค้างในการเลื้อยเป็นกลุ่มไม้เถา เช่น แตงกวา,ถั่ว, บวบ,มะระ เป็นต้น ผักกลุ่มนี้ถ้าทำให้มีการแตกแขนง แตกกิ่ง แตกยอด ได้มากก็มีผลต่อปริมาณของผลผลิตและที่พบบ่อยคือเมื่อติดดอก ติดผลแล้วเกิดการร่วงหล่น ติดลูกไม่เสมอ สาเหตุหลังเกิดจากการให้น้ำ,ขาดธาตุอาหารจนหลุดร่วงลูกผลบิดเบี้ยว แมลงหนอนเข้าทำลาย เราจึงแนะนำให้ผู้ปลูกควรให้อาหารดังนี้.-
ดรีม 30 cc.
ดีว่า 20 cc.
ซาโต้ 3 cc.
M-ลาซู 25 cc. สารกระตุ้นการแตกตาดอก ขั้วเหนียว
ไคเนเทค 5-10 cc.สารสั่งแตกยอด แตกแขนง
ปานะ 2 cc.
ฉีดพ่นทุกๆ 7-10 วัน ในขณะดินมีความชื้น จะทำให้ได้ผลผลิตสูง ดอกจะสมบรูณ์เพศ ไม่ร่วงหล่น ผิวสวย ผลสวยหวานกรอบ อร่อย
และพืชกลุ่มนี้มักจะประสบปัญหาในเรื่องของเชื้อราทั้งทางดินและทางใบดังนั้นจึงควรป้องกันโดยทางดินให้ บล็อกเชื้อด้วย Vee-1 ต้นละประมาณ1/2-1ช้อนชา ผสมกับแร่ The-One ประมาณ 1-2กำมือ โดยในแร่The- One จะประกอบด้วยแร่ธาตุจากภูเขาไฟ มลูไส้เดือน สาหร่ายทะเล วิตามิน ที่มีประโยชน์ต่อพืชทั้งทางการเจริญเติบโตและการติดดอกออกผล
กลุ่มของผักกินผล เช่น พริก มะเขือ ก็จะมีการให้อาหารเหมือนกับกลุ่มของผักที่ขึ้นค้าง
กลุ่มของผักกินหัว เช่น หัวไชเท้า,หอม,กระเทียม,แครอท,ขิงขา,หอมใหญ่ ก็จะให้อาหารเหมือนกับผักใบบางแต่มีการเพิ่มการสั่งให้พืชผักกลุ่มนี้มีการเปลี่ยนทิศทางการใช้ธาตุอาหารจ่ากแนวตั้งเป็นแนวนอน โดยการฉีดพ่น กู๊ดออเดอร์ 30-50 cc.หลังจากพืชแสดงการลงหัว โดยแนะนำให้ฉีดพ่นห่างกัน 7-10 วัน ติดต่อกัน 2-4 ครั้งคุณจะได้หัวพืชในกลุ่มนี้ที่มีคุณภาพสูง น้ำหนักดี % แป้งสูงเป็นที่ต้องการของตลาด
หากมีข้อสงสัยโทรหาเราได้ที่ 081-046-0335,085-603-0090 ( M ) แล้วพบกัน ด้วยความห่วงใย ชีวิตที่ดีมีได้จริงด้วยเกษตรดินดี MK การเกษตร จำกัด .
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น